Showing posts with label Diorama :. Show all posts
Showing posts with label Diorama :. Show all posts

Sunday, January 22, 2023

40k Vignette (WIP 6)

ก่อนหน้านี้ทาง Games Workshop ส่งกล่อง Heavy Weapons Squad แบบใหม่ของฝ่าย Astra Militarum มาให้ล่วงหน้า ก็เลยได้ไอเดียว่าจะเอามาทำเป็นฉากจำลองขนาดเล็กหรือ vignette เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและแสดงให้เห็นถึงบรรยากาศรอบๆของตัวโมเดลว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไหนอย่างไรครับ ที่ผ่านมาได้ลงภาพขั้นตอนการทำฉากชิ้นนี้มาให้ดูกันเรื่อยๆ และวันนี้ตัวฉากก็เสร็จสมบูรณ์แล้วครับ ถ่ายภาพมาให้ชมกันว่าเวลาจัดวางกับตัวโมเดลแล้วออกมาเป็นอย่างไร ส่วนการทำสีและเวทเธอริ่งตัวฉาก ใช้สีอะครีลิคในการทำทั้งหมดครับ

ส่วนตัวโมเดล Heavy Weapons Squad พ่นสีรองพื้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมจะนำไปทำสีในเร็วๆนี้ แล้วจะนำความคืบหน้ามาให้ชมกันอีกทีครับ 

ตอนนี้สินค้าใหม่ของ Astra Militarum กำลังเปิดให้พรีออเดอร์อยู่ รวมถึงกล่อง Heavy Weapons Squad นี้ด้วย ใครสนใจก็ลองสอบถามจากร้านต่างๆดูได้ครับ

หมายเหตุ: ได้รับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์จาก Games Workshop โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆครับ

Note: Products free of charge, sponsored by Games Workshop 



















Friday, January 20, 2023

40k Vignette (WIP 5)

Here are some detailed shots of the finished base before adding the tree. It still needs final touch-ups after all elements are glued in place.














Thursday, January 19, 2023

40k Vignette (WIP 4)

Adding some vegetation onto the scene with various products from MiniNatur, Gamers Grass and Ammo by MIG. The tree was made by using Seefoam tree from Joefix Studios and Gale Force Nine - Spring Undergrowth as tree leaves. Stay tuned!




Monday, January 16, 2023

40k Vignette (WIP 3)

More progress on painting the abandoned outpost, still needs some touch ups. Stay tuned!


Friday, January 13, 2023

40k Vignette - WIP 2

อัพเดทเพิ่มเติมหลังจากนำไปพ่นสีให้แสงเงาเบื้องต้นเรียบร้อยแล้วครับ หลังจากนี้ค่อยมาเก็บรายละเอียดต่างๆด้วยพู่กันและทำเวทเธอริ่งให้ดูเก่าๆทรุดโทรมอีกที 

แล้วก็เห็นที่มาตอบคำถามกันในโพสที่แล้ว อยากบอกว่ามีที่ตอบมาถูกทางแล้วครับ ใบ้เพิ่มให้อีกนิดว่าไม่ใช่ single miniature ครับ ยังมีเวลาตอบและแก้ไขคำตอบได้ถึงวันศุกร์นี้นะครับ ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมสนุกตอบคำถามกันครับ 😊








Thursday, January 12, 2023

40k Vignette - WIP

นำภาพฉากที่เสร็จแล้วพร้อมทำสีมาให้ชมครับ นี่เป็นฉากที่ทำขึ้นเพื่องานชิ้นใหม่จาก Warhammer 40k ที่กำลังทำอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยให้ทราบได้ครับ ก็เลยได้ไอเดียให้ทุกท่านมาร่วมสนุกเล่นเกมทายชื่อกัน ว่าโมเดลที่จะนำมาใช้ประกอบในฉากนี้มีขื่อว่าอะไร ใบ้ให้ว่าอยู่ฝ่าย Imperium ครับ โดยมีของรางวัลเป็นมิเนียเจอร์ตัวล่าสุดที่กำลังจะออกเร็วๆนี้ 1 รางวัล ถ้าท่านไหนสนใจก็ลองมาร่วมสนุกกันได้ตามกติกาด้านล่างนี้ครับ

1. ให้สิทธิ์ร่วมสนุกเฉพาะผู้ที่กดไลค์หรือกดติดตามเพจเท่านั้น

2. ให้ทายชื่อของโมเดลที่จะนำมาประกอบในฉากนี้ให้ถูกต้อง ให้ตอบท่านละ 1 ชื่อเท่านั้น (สามารถแก้ไขคำตอบได้ก่อนหมดเวลา)

3. ตอบคำถามมาในช่องคอมเม้นท์ของโพสนี้ในเพจ Thor Studio เท่านั้น

4. ของรางวัลมี 1 รางวัล เป็นสินค้าล่าสุดที่กำลังจะออกและจะแจ้งให้ทราบในวันประกาศผล

5. รางวัลนี้จะมอบให้กับผู้ที่ทายชื่อมาได้ถูกต้องที่สุดเป็นท่านแรก

6. มีเวลาตอบคำถามตั้งแต่วันนี้จนถึงเวลาเที่ยงคืนของวันศุกร์ที่ 13 มกราคม 

7. เฉลยคำตอบในวันเสาร์ที่ 21 มกราคม ผู้ที่ได้รับรางวัลจะได้รับการติดต่อเพื่อขอที่อยู่และจะจัดส่งของให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

8. สำหรับของรางวัลขอความกรุณาอย่านำไปขายต่อ ถ้าเป็นไปได้อยากให้นำไปประกอบและทำสีและถ่ายรูปมาแบ่งกันชมครับ 😃












Wednesday, December 21, 2022

Hobby Model ฉบับที่ 89 ปี 2002

ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 20 ปีของหนังสือ Hobby Model ฉบับที่ 89 ซึ่งเป็นฉบับที่ผลงานของตัวเองได้ขึ้นเป็นภาพหน้าปกและเป็นไฮไลท์ของเล่มครั้งแรกและครั้งเดียวก่อนที่หนังสือจะปิดตัวลงในฉบับที่ 100 ครับ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในชีวิตการทำโมเดลของตัวเอง ที่ครั้งหนึ่งเคยมีส่วนร่วมเขียนบทความให้กับหนังสือเกี่ยวกับโมเดลของคนไทยฉบับนี้ จนได้รับความไว้วางใจจากทีมงานและให้เกียรติรวบรวมผลงานของเรามาลงเป็นภาพหน้าปกและเป็นไฮไลท์ประจำฉบับ ช่วงเวลาที่ได้เป็นนักเขียนให้กับที่นี่ แม้จะเป็นเวลาแค่ไม่กี่ปีและเป็นเพียงส่วนเล็กๆของหนังสือ แต่ก็ได้รับประสบการณ์ต่างๆและมิตรภาพดีๆมากมาย ที่สำคัญมันกลายเป็นการปลูกฝังความชอบในการเขียนหนังสือให้กับตัวเองโดยไม่รู้ตัว จนส่งผลให้ตัดสินใจเริ่มทำบล็อกส่วนตัวและเพจในเฟซบุ๊คเพื่อเขียนบทความต่างๆมาจนถึงปัจจุบันครับ

จำได้ว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้วตอนที่หนังสือเล่มนี้ออกวางจำหน่ายก็ไปซื้อมาเก็บเอาไว้ส่วนตัว และซื้อส่งมาให้พี่ชายกับแม่ที่อยู่ที่อเมริกาด้วย พอตัวเองย้ายมาอยู่ที่นี่มีวันหนึ่งพี่ชายจัดของแล้วเจอหนังสือเล่มนี้เก็บไว้อยู่เลยหยิบมาให้ ก็เลยเอามาเก็บต่อจนไม่นานมานี้นึกขึ้นได้ว่าปีนี้ครบรอบ 20 ปีแล้วก็เลยหยิบมาถ่ายรูปเพื่อระลึกความหลังกันครับ

จุดเริ่มต้นของการที่ได้เข้าไปเขียนบทความให้กับหนังสือ Hobby Model เริ่มมาจากการที่ตัวเองนำผลงานไปส่งในงานประกวดที่หนังสือ Hobby Model เป็นผู้จัดที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว จำไม่ได้แล้วว่าปีอะไรแต่ตอนนั้นน่าจะอายุประมาณ 19-20 ปี แล้วผลออกมาเราได้รับรางวัลจากการประกวดหลายรางวัล ทางทีมงานของหนังสือเลยมาพูดคุยว่าสนใจอยากจะเขียนบทความให้กับหนังสือหรือเปล่า จริงๆตอนนั้นไม่เคยเขียนบทความใดๆมาก่อนเลยและไม่รู้ด้วยว่าจะต้องทำอย่างไร ที่ผ่านมาทำโมเดลด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ไม่มีเพื่อนที่เล่นมาด้วยกันหรือรู้จักใครในวงการ อาศัยอ่านจากหนังสือแล้วก็ลองหัดลองทำด้วยตัวเอง แต่ก็คิดว่าถ้าได้เขียนบอกเล่าวิธีการทำงานของเราให้คนอื่นได้อ่านบ้างก็น่าจะดี เหมือนกับที่เราก็เรียนรู้วิธีการของคนอื่นๆมาจากในหนังสือเช่นกัน ก็เลยตัดสินใจลองทำดู

ในตอนนั้น การทำงานของตัวเองยังใช้การทาสีด้วยมือเพียงอย่างเดียว เพราะยังไม่มีแอร์บรัชใช้ เลยเลือกเขียนอธิบายวิธีการทำงานและการทำฉากของตัวเอง และอาศัยวิธีการเขียนบทความของคนอื่นๆมาเป็นตัวอย่าง ผลงานชิ้นแรกที่ได้ลงในหนังสือเป็นฉากจำลองขนาดเล็กเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกี่ยวกับปืนต่อสู้อากาศยาน Flak 38 ของฝ่ายเยอรมันที่ถูกทิ้งเอาไว้ในซากอาคาร  และมีทหารอเมริกันมาเจอเข้าและกำลังสำรวจพื้นที่กัน

วิธีการเขียนบทความสมัยยี่สิบกว่าปีที่แล้วที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ จะใช้การเขียนลงบนกระดาษฟุลสแค๊ปหรือกระดาษที่เอาไว้ใช้เขียนรายงาน เขียนร่างบทความลงไปก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นอ่านทบทวนแล้วแก้ไขเพิ่มเติมให้ใจความนั้นครบถ้วนสมบูรณ์แบบที่ต้องการนำเสนอ แล้วจึงมาเขียนคัดลอกแบบบรรจงลงบนกระดาษอีกรอบ เพื่อที่จะได้นำบทความที่เขียนเสร็จสมบูรณ์แล้วไปมอบให้กับกองบรรณาธิการนำไปพิสูจน์อักษรและตีพิมพ์ลงในหนังสืออีกที สมัยนั้นการจะเขียนบทความแต่ละครั้งจึงต้องมานั่งเขียนซ้ำกัน 2-3 รอบ ไม่สะดวกสบายเหมือนเดี๋ยวนี้ที่เขียนไปแก้ไปในคอมหรือในมือถือได้ทันทีเลย

ส่วนตัวโมเดลที่ทำเสร็จแล้วก็ต้องขนไปถ่ายรูปที่กองบก. เพื่อให้ช่างภาพประจำนิตยสารเป็นผู้ถ่ายให้ในสตูดิโอของสำนักพิมพ์ ที่มีการจัดแสงมีการใช้ฉากหลังและใช้การถ่ายด้วยกล้องฟิลม์ จนได้ภาพสวยๆออกมาอย่างที่เราเห็นกัน ตอนที่เริ่มเขียนบทความแรก กองบก.นั้นอยู่แถวท่าพระ เป็นตึกแถวเล็กๆที่ด้านล่างเป็นแท่นพิมพ์ขนาดใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานก็มีการเปลี่ยนแปลงทีมบรรณาธิการและย้ายจากที่เดิมมาอยู่ในอาคารของสำนักพิมพ์อนิเมทที่ตั้งอยู่ในซอยฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระ ตอนนั้นตัวเองบ้านอยู่ที่สมุทรปราการบนถนนศรีนคริทร์ซึ่งไกลมากๆ แล้วก็ย้ายไปอยู่แถวรังสิตยิ่งไกลมากกว่าเดิม การจะไปที่สำนักพิมพ์แต่ละครั้งเลยใช้เวลามากพอสมควร ยิ่งครั้งไหนทำงานชิ้นใหญ่ต้องขนใส่แท็กซี่ไปก็ต้องเสียค่าแท็กซี่ครั้งละหลายร้อย

ถ้าจำไม่ผิดสมัยนั้นค่าเขียนบทความครั้งแรกเป็นเงิน 500-600 บาท จากนั้นก็ได้เพิ่มขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ เอาจริงๆแค่ค่าโมเดลที่ทำในแต่ละครั้งก็มักจะมากกว่าค่าบทความที่ได้แล้ว แต่ก็ยังทำมาเรื่อยๆเพราะรู้สึกสนุกกับการที่ได้ทำงานให้เสร็จแบบมีเป้าหมายและชอบที่จะได้เขียนบทความอธิบายวิธีการทำงานต่างๆของตัวเอง 

ในครั้งแรกที่เขียนบทความส่งไป เราเลือกที่จะใช้ชื่อคนเขียนบทความเป็นชื่อจริงของตัวเองคือ "ต่อลาภ" ซึ่งในสมัยนั้นคนเขียนบทความในหนังสือจะใช้นามแฝงกันแทบทั้งหมด เคยมีคนถามเหมือนกันว่าทำไมถึงใช้ชื่อจริงในการเขียนบทความ ไม่ใช้นามแฝงเหมือนคนอื่นๆเขา คำตอบคือตัวเองในตอนนั้นไม่รู้ว่าควรจะต้องใช้นามแฝงในการเขียนหนังสือหรือเปล่า แต่ว่าตอนนั้นเริ่มที่จะซื้อหนังสือโมเดลต่างประเทศมาหัดอ่านภาษาอังกฤษ แล้วก็เห็นโมเดลเลอร์ต่างชาติทุกท่านที่ลงผลงานในหนังสือต่างประเทศใช้ชื่อจริงของตัวเองกันหมด ก็เลยคิดว่าใช้ชื่อจริงของตัวเองตามเขาก็ดูเป็นสากลดี แถมสะดวกตรงที่ไม่ต้องมานั่งคิดชื่อนามแฝงด้วย จนผ่านมาหลายปีให้หลังพอได้มาเขียนบทความให้หนังสือฉบับอื่น ทางพี่ บก. ขอให้ช่วยใช้นามแฝงเพื่อที่จะให้ดูมีความหลากหลายของนักเขียน ก็เลยใช้ชื่อนามแฝงว่า "Silk" ไปครั้งหนึ่ง 

ช่วงที่เขียนบทความให้หนังสือ มีโอกาศได้ไปที่กองบก. อยู่หลายครั้ง เป็นห้องทำงานเล็กๆอยู่ภายในอาคารของสำนักพิมพ์ มีพี่ๆหลายๆท่านนั่งทำงานกันอยู่ที่โต๊ะของแต่ละคน ทั้งนั่งปั้น ประกอบอุดขัด นั่งทำฉาก เพ้นท์สี พ่นสี ฯลฯ เตรียมผลงานที่จะลงในหนังสือฉบับถัดไป สำหรับตัวเองในตอนนั้นนี่คือสถานที่ทำงานในฝันที่จะได้อยู่กับงานโมเดลทั้งวัน เวลามีโอกาสไปที่นี่แต่ละครั้งก็เลยชอบไปนั่งดูเขาทำงานกันอยู่นานๆ แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนเงียบๆพูดไม่เก่ง ก็เลยมักจะนั่งดูเขาทำงานกันเงียบๆไม่ได้พูดจากับใครหรือไม่ก็ขอยืมหนังสือเขามานั่งดูเงียบๆคนเดียว พอมานึกถึงในตอนที่โตขึ้นก็คิดว่าตอนนั้นเขาคงจะอึดอัดกันน่าดูที่ไอ้น้องคนนี้มันมานั่งเงียบๆดูเขาทำงานกันเป็นขั่วโมง 😅 ในตอนนั้นได้มีโอกาสเห็นการทำงานของพี่ๆหลายๆท่านที่เราชื่นชม แล้วก็ทำให้ได้รู้จักกับพี่หลายๆท่านที่คบหาสมาคมกันจนถึงปัจจุบัน รู้สึกโชคดีมากๆที่ตัวเองได้มีโอกาสไปอยู่ตรงนั้นและได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำหนังสือเล่มนี้

ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นเขียนบทความให้กับหนังสือ Hobby Model อยู่ประมาณ 4-5 ปี จำไม่ได้แน่นอนว่าเขียนไปทั้งหมดกี่บทความ แต่คิดว่าไม่ได้เยอะมากนักเพราะเป็นช่วงที่กำลังเรียนมหาลัยอยู่ด้วย เลยมีเวลาทำโมเดลเฉพาะช่วงที่ว่าง จนมาถึงช่วงที่เรียนปี 3 ทางพี่บก.จึงได้มาคุยว่าสนใจที่จะทำผลงานลงเป็นไฮไลท์ของเล่มหรือเปล่า ตอนนั้นดีใจมากไม่คิดว่างานที่ตัวเองทำจะได้รับการยอมรับมากขนาดนั้น เพราะหนังสือฮอบบี้โมเดลจะเน้นไปที่เรื่องของโมเดลจากภาพยนตร์หรืออนิเมต่างๆมากกว่างานประเภทสเกลโมเดล ผลงานบนหน้าปกของแต่ละฉบับที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานโมเดลในแนวทางนั้นเกือบทั้งหมด เรียกว่านับครั้งได้เลยที่จะมีผลงานบนหน้าปกเป็นงานแนวทหาร ก็เลยรับปากว่าจะทำและตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด ใช้เวลาทำอยู่นานหลายเดือนเหมือนกัน ในที่สุดก็เสร็จออกมาเป็นผลงาน 5 ชิ้นที่ได้ตีพิมพ์ลงในฉบับนี้ในหัวข้อ Mini Diorama เพราะในสมัยนั้นยังไม่รู้จักคำว่า Vignette กัน งานฉากจำลองที่มีขนาดเล็กก็จะเรียกกันติดปากว่ามินิไดโอครับ

ผลงานที่ลงหน้าปกชื่อ Battle Front, Germany 1945 เป็นผลงานที่ทำเพื่อส่งประกวดและได้รับรางวัลที่ 1 มาจากงานประกวดที่เดอะมอลล์บางกะปิ รายละเอียดต่างๆภายในฉากสร้างขึ้นมาเองทั้งหมด ตอนที่นำผลงานทั้งหมดไปถ่ายรูปที่กองบก. วันที่ไปรับงานกลับทางพี่บก.มาคุยกับเราว่าทางผู้บริหารสำนักพิมพ์ชอบผลงานชิ้นนี้มาก และอยากขอซื้อผลงานชิ้นนี้ไว้ ใจจริงไม่ได้ต้องการที่จะขายผลงานชิ้นนี้เลยเพราะเป็นงานที่ตั้งใจทำมาก แต่ด้วยความที่เกรงใจพี่บก.ที่ดูเหมือนจะโดนกดดันมาอีกที ก็เลยจำใจขายให้ไปในราคาน่าจะ 4,000-5,000 บาท ซึ่งก็เสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็คิดว่าเป็นการตอบแทนที่ให้โอกาสได้เขียนบทความให้กับที่นี่มาโดยตลอด หลังจากนั้นก็หยุดพักการเขียนไปเพราะว่าขึ้นปี 4 ทั้งเรียนหนักและต้องทำธีสิส มามีเวลาว่างอีกทีก็ตอนมาข่วยพี่หมึกข้างขวดทำฟิกเกอร์ประกอบผลงานฉากจำลองขนาดใหญ่ของอ็อตโต คาริอุส เพื่อฉลองหนังสือฉบับที่ 100 น่าเสียดายที่หนังสือฉบับที่ 101 นั้นไม่ได้ถูกตีพิมพ์ บทความครึ่งหลังของฉากจำลองชิ้นนี้ที่รวมภาพผลงานที่เสร็จแล้วจึงไม่เคยถูกตีพิมพ์ออกไป และหนังสือ Hobby Model ที่อยู่คู่วงการโมเดลของไทยมาอย่างยาวนานก็ปิดฉากลงที่จำนวน 100 ฉบับ มีเพียง 3 ฉบับที่เป็นการรวบรวมผลงานของนักเขียนมาลงเป็นหน้าปกและไฮไลท์ของเล่มหรือ Best Of คือฉบับของพี่โด่ง นภากาศ ที่ทำโมเดลเครื่องบิน ฉบับของเราที่ทำโมเดลฉากจำลองขนาดเล็ก และฉบับของคุณนรินทร์ ที่รวบรวมงานปั้นของเขาเอาไว้ (งานชิ้นหนึ่งที่อยู่ในใจมาตลอดคือพรีเดเตอร์ vs ซามูไรที่เขาออกแบบและปั้นเอง ตอนนั้นมีโอกาสได้ไปเห็นตอนที่กำลังทำฉากปราสาทของงานชิ้นนี้ ทึ่งมากๆในการออกแบบพรีเดเตอร์ในสไตล์ของตัวเองและรายละเอียดต่างๆบนชิ้นงานและฉากก็ทำได้สุดยอดมากๆ)

สำหรับตัวเอง การได้เป็นนักเขียนให้กับหนังสือนี้ เป็นจุดเริ่มต้นให้ตัวเองหัดเขียนบทความอย่างจริงจัง และช่วงเวลาหลายปีนั้นก็เป็นการฝึกฝนการเขียนหนังสือของตัวเองใหัพัฒนาขึ้นเรื่อยๆไปพร้อมๆกับการฝึกฝนการทำโมเดลของตัวเอง ในตอนนั้นไม่เคยรู้เลยว่าจะมีคนอ่านบทความของเรามากน้อยแค่ไหน รู้แค่ว่ามันสนุกมากที่ได้ทำงานออกมาเรื่อยๆและสามารถบอกเล่าให้คนอื่นอ่านได้ ก็เลยพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด และพยายามหาหัวข้อที่น่าสนใจมาทำเพื่อที่จะให้บทความนั้นมีความหลากหลาย จนผ่านมาหลายปีให้หลังพอได้เจอผู้คนตามงานโมเดลต่างๆถึงได้รู้ว่าที่ผ่านมามีคนคอยตามอ่านบทความของเราอยู่พอสมควร ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าการเป็นนักเขียนตัวเล็กๆในนิตยสารเกี่ยวกับงานอดิเรกทึ่เป็นเรื่องเฉพาะทางและไม่ได้มีคนสนใจมากนัก จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆได้ขนาดนี้ มันเป็นความภาคภูมิใจที่ได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองตั้งใจทำนั้นมันมีประโยชน์กับคนอื่นจริงๆ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ยังคงพยายามเขียนบทความต่างๆลงในบล็อกและในเพจของตัวเองมาจนถึงปัจจุบัน

แต่ก็มีพี่ที่สนิทกันท่านหนึ่งเคยบอกเอาไว้นานแล้วให้คอยระวังตัว ถึงแม้จะเป็นวงการเล็กๆแต่ถ้ามีฝีมือโดดเด่นมีชื่อเสียงเกินหน้าเกินตาก็จะมีคนไม่พอใจหรือถูกหมั่นไส้เอาได้ เพราะคนประเภทนี้มันมีอยู่ในทุกๆที่ในทุกวงการ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะไม่คิดว่าการที่ได้มาเขียนบทความแบบนี้จะไปสร้างความไม่พอใจให้กับใครได้ และส่วนตัวก็ไม่ได้รู้จักใครในวงการหรือเคยไปทำอะไรแย่ๆกับใครไว้ ก็ตั้งใจทำงานของตัวเองต่อไปไม่ได้สนใจอะไร จนผ่านมาหลายปีให้หลังถึงมีคนมาบอกว่า เคยมีคนแอบอ้างว่าเป็นเราโทรไปด่าเขาเกี่ยวกับเรื่องการทำงานโมเดลของเขา ทำให้เขาเกลียดเรามานานหลายปีโดยที่ตัวเราเองไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย กว่าจะเข้าใจกันได้ก็กินเวลาหลายปี แม้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนแอบอ้าง 

พี่ที่สนิทกันเคยบอกไว้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากเป็นนักเขียนให้กับหนังสือโมเดล เพราะจะได้เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและสามารถนำไปใช้ในการรับจ้างทำงานได้สะดวกมากขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาสนี้ แล้วอยู่ดีๆมีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ได้มาทำตรงนี้ก็อาจจะทำให้มีคนอิจฉาไม่พอใจจนกลายเป็นการมากลั่นแกล้งกัน ตอนนั้นจึงได้เข้าใจว่าคนขี้อิจฉาริษยาคนที่จิตใจคับแคบและไม่ต้องการเห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวเองนั้นมีอยู่จริงๆ คนแบบนี้มีอยู่ทุกที่ทุกวงการและทุกยุคสมัย แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังเห็นบางท่านที่ต้องเผชิญกับคนประเภทนี้อยู่เนืองๆ อยากบอกท่านเหล่านั้นหรือท่านอื่นๆหากต้องเจอกับคนประเภทนี้ว่า สิ่งที่ควรทำคืออย่าไปให้ค่าให้ความสำคัญกับคำพูดหรือการกระทำของคนพวกนี้ เพราะเขาไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับชีวิตของเราเลยแม้แต่น้อย ควรให้ความสำคัญกับคนที่เข้าใจเราและตั้งใจฝึกฝนผลงานของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วผลงานของเราจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของตัวเราเองได้ดีที่สุด ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ที่ไม่มีตัวตนไม่มีความสามารถอะไรมาเป็นคนบอกครับ

จริงๆตั้งใจว่าจะเขียนเล่าเรื่องของการทำหนังสือในอดีตว่าเป็นอย่างไร ไปๆมาๆกลับมาจบที่เรื่องดราม่าเสียได้ 😅 พอดีนึกถึงเรื่องราวสมัยก่อนแล้วมันจะมีเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวด้วยก็เลยเอามาเล่าให้ฟังกันเป็นอุทาหรณ์ เพราะแม้จะผ่านมายี่สิบปีก็ยังมีคนแบบนี้อยู่และคงจะมีมาอีกเรื่อยไปตามธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าเรามีภูมิคุ้มกันที่จะรับมือกับคนพวกนี้ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรกับจิตใจเราได้ เป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่านที่ตั้งใจฝึกฝนการทำงานของตัวเองครับ 😃

สุดท้ายนี้หวังว่าจะชอบบทความระลึกความหลังเคล้าดราม่าอันนี้กัน 😆 ไว้มีโอกาสจะหาอะไรมาเขียนให้อ่านเล่นกันอีก แล้วพบกันใหม่ครับ