Showing posts with label * Arts and Misc.. Show all posts
Showing posts with label * Arts and Misc.. Show all posts

Sunday, November 24, 2024

Secret Level Trailer | Warhammer 40,000

Secret Level เป็นซีรีส์อนิเมชั่นล่าสุดของ Warhammer 40,000 ครับ นี่เป็นซีรีส์ที่น่าติดตามมากเพราะเป็นผลงานจากทีมสร้าง Love Death & Robots อนิเมชั่นชื่อดังที่ส่วนตัวชื่นชอบมากๆอยู่แล้ว พอได้เห็นตัวอย่างอันนี้แล้วบอกเลยว่าไม่พลาดแน่นอน 🤩

ใครที่สนใจ Secret Level จะเปิดให้รับชมทาง Prime Video ในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ครับ มีทั้งหมด 15 ตอน รอติดตามชมกันได้ครับ

https://www.warhammer-community.com/en-us/articles/wxirtbpc/secret-level-trailer-watch-the-ultramarines-in-all-their-brutal-glory-in-the-new-warhammer-40000-animation/

#SecretLevel

#WarhammerCommunity



Wednesday, March 13, 2024

Verko's Vault

I just went back home from a short trip to Las Vegas. I went there to meet with Gary from Verko's Vault and delivered my work to him. I'm so honored and humbled that they have recognized my work and it will be displayed at Verko's Vault along with the works from many great artists around the world.

Verko's Vault is the first and the world's largest museum of fantasy miniatures. It's located in Las Vegas, Nevada, United States and is going to open later this year with over 16,000 miniatures on display. I already saw some parts of the collection and I was so amazed with the quantity and quality of the works that will be displayed in the museum, many iconic pieces and countless wonderful pieces. This museum will be totally worth a visit and when they are opened, I'll definitely spend a few days to take a closer look at all of them.

Thank you so much to Verko's Vault for the opportunity to be a part of their artist team. This really motivates me to try harder to improve my work and try to create more pieces for my display in the future. 

If you are interested and want to know more about Verko's Vault, please visit their website and Facebook page on the links below for more information. There will be a lot of great things to come from them.

https://verkosvault.com/

https://www.facebook.com/profile.php?id=100057361273331

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมเดินทางไปที่เมือง Las Vegas ในรัฐ Nevada  เพื่อนำผลงานของตัวเองไปส่งมอบให้กับคุณ Gary ผู้ก่อตั้ง Verko's Vault พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานมิเนียเจอร์แนวแฟนตาซีที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกของโลก ที่กำลังจะเปิดให้เข้าชมในช่วงกลางปีนี้ครับ

ส่วนตัวรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงและดีใจมากๆที่ผลงานของตัวเองได้รับการยอมรับในระดับนี้จากทางพิพิธภัณฑ์ และมันจะถูกนำไปจัดแสดงร่วมกับผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงท่านอื่นๆจากทั่วโลก นี่เป็นแรงผลักดันอย่างดีที่จะทำให้ตัวเองตั้งใจพัฒนาผลงานให้ดีมากยิ่งขึ้นและพยายามสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่ในอนาคตจะได้มีผลงานในส่วนจัดแสดงของตัวเองเพิ่มมากขึ้นครับ

Verko's Vault ตั้งอยู่ที่เมือง Las Vegas ในรัฐ Nevada อยู่ติดกับถนนฟรีเวย์สาย I-15 ที่เป็นถนนหลักก่อนที่จะเข้าไปถึงยังตัวเมือง ส่วนจัดแสดงผลงานเป็นอาคารสองหลังตั้งอยู่ติดกันมีพื้นที่จัดแสดงผลงาน 25,000 ตารางฟุต และจะมีผลงานถูกนำมาจัดแสดงมากกว่า 16,000 ชิ้น จากศิลปินทั่วโลกมากกว่า 160 ท่าน นอกจากในส่วนพื้นที่จัดแสดงแล้วก็จะมีร้านค้าของทางพิพิธภัณฑ์ที่จะนำสินค้าและอุปกรณ์จากแบรนด์ต่างๆมาวางจำหน่ายอย่างครบครัน รวมไปถึงมีส่วนพื้นที่สำหรับเล่นเกม สัมมนา และพื้นที่สำหรับการเปิดคลาสสอนเพ้นท์จากศิลปินที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกด้วย ส่วนตัวได้มีโอกาสชมผลงานบางส่วนที่จะถูกนำมาจัดแสดงในอนาคต บอกตามตรงว่าอลังการละลานตามากๆ มีผลงานสวยๆมากมายจากศิลปินที่เราชื่นชอบและผลงานที่มีชื่อเสียงและได้รางวัลจากงานประกวดต่างๆอยู่เต็มไปหมด เลือกดูกันไม่ถูกเลยจริงๆ เชื่อว่าถ้าพิพิธภัณฑ์นี้เปิดเมื่อไหร่ตัวเองคงจะได้ไปใช้เวลาที่นี่หลายวันเพื่อที่จะได้ดูผลงานเหล่านั้นอย่างละเอียดจนครบทั้งหมด เพราะมันมากมายจริงๆ ที่ถ่ายภาพมาให้ชมนี่เรียกว่าเป็นแค่ส่วนเล็กๆเท่านั้นเองครับ และในอนาคตถ้าพิพิธภัณฑ์นี้เปิดทำการจริงเมื่อไหร่คงจะได้ไปถ่ายภาพมาให้ชมกันเต็มๆอีกทีอย่างแน่นอน

สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมของทาง Verko's Vault  สามารถเข้าไปติดตามข่าวสารต่างๆจากทางพิพิธภัณฑ์ได้ที่เว็บไซต์และเพจบนเฟซบุ๊กตามลิ้งด้านล่างครับ ในอนาคตเมื่อพิพิธภัณฑ์มีการเปิดทำการอย่างเป็นทางการแล้ว จะมีการนำภาพของผลงานที่ถูกจัดแสดงทั้งหมดรวมถึงข้อมูลของศิลปินทุกท่านมาเผยแพร่ให้ชมกันผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อให้คนที่ยังไม่สามารถเดินทางมาชมผลงานด้วยตัวเองได้ ได้มีโอกาสรับชมผลงานเหล่านี้ด้วยเช่นกันครับ และในอนาคตคงจะมีโครงการดีๆที่น่าสนใจจากพิพิธภัณฑ์เกิดขึ้นอีกมากมาย ลองเข้าไปติดตามกันได้ครับ

https://verkosvault.com/

https://www.facebook.com/profile.php?id=100057361273331

#verkosvault


























Wednesday, January 3, 2024

My New Year's Resolution

เอาจริงๆที่ผ่านมาไม่เคยคิดจะตั้งปณิธานใดๆในตอนต้นปีมาก่อนเลย เพราะรู้สึกชอบที่จะใช้ชีวิตแบบสบายๆทำอะไรไปตามใจเรื่อยๆมากกว่า แต่เนื่องจากในปีหน้า (2025) จะมีงานประกวดใหญ่ World Model Expo 2025 ที่ประเทศฝรั่งเศส และตั้งใจว่าอยากที่จะนำผลงานที่ดีที่สุดของตัวเองไปร่วมประกวด เพราะไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้ทำเต็มที่เหมือนที่ไปยุโรปเมื่อปลายปีที่แล้ว ดังนั้นปีนี้จึงต้องเตรียมตัวเสียแต่เนิ่นๆและตั้ง New Year's Resolution เพื่อกำหนดเป้าหมายของปีนี้ว่าจะต้องทำโมเดลเหล่านี้ให้สำเร็จทั้งหมดให้จงได้ หรืออย่างน้อยๆก็ต้องทำให้ได้มากที่สุด 😅 และจะได้เป็นแรงกระตุ้นให้ตัวเองตั้งใจทำผลงานสำหรับส่งประกวด ไม่ไขว้เขวไปทำอย่างอื่นที่นอกเหนือจากที่ตั้งใจไว้เหมือนที่ผ่านมาๆ 😅 


ส่วนตัวพยายามเลือกงานที่อยากจะทำไปส่งประกวดจริงๆ และประเมินตามความจริงว่าน่าจะทำเสร็จได้ทัน มีทั้งหมด สามชิ้นประกอบไปด้วย 

ชิ้นแรก Tinker Bell ของยี่ห้อ Blacksmith Miniatures สำหรับประเภท Fantasy Painting เป็นงานที่ขึ้นเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วประกอบตัวนกเสร็จเรียบร้อยเหลือทำส่วนฐานเพิ่ม ช่วงปลายปีที่แล้วมีอุบัติเหตุของตกใส่จนขานกหัก เดี๋ยวคงต้องมานั่งซ่อมใหม่อีกที


ชิ้นที่สอง Imperial  German Flamflower ขนาด 1/16 ของยี่ห้อ Jeffshiu's Miniatures สำหรับประเภท Historical Painting ชิ้นนี้ได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง 1917 อยากจะทำฟิกเกอร์ที่ถ่ายทอดอารมณ์ของสงครามผ่านถึงคนดูได้สักครั้ง เริ่มขึ้นเอาไว้หลายปีแล้วแต่ยังประกอบไม่เสร็จ


ชิ้นที่สาม Death Korps of Krieg vignette งานฉากจำลองจาก Warhammer 40,000 ที่ประกอบและเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ตั้งใจจะทำมาตั้งแต่ปีก่อนแต่ยังไม่ถูกใจกับไอเดียที่คิดไว้นักก็เลยดองเอาไว้ยาวๆ จนเมื่อปลายปีที่แล้วไปดูงานประกวดที่มอนเต้แล้วได้ไอเดียมาใหม่สำหรับงานชิ้นนี้ เลยจะเอามาทำใหม่อีกรอบ ชิ้นนี้ยังไม่แน่ใจว่าลงประเภทไหนได้ ต้องรอดูกติกาอีกที


และถ้าสุดท้ายสามารถทำทั้งสามชิ้นนี้ได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าเอาไว้ และมีเวลาเหลือมากพอ ค่อยเลือกจากกองสำรองมาทำเพิ่มเติมเท่าที่ไหว จะได้มีผลงานไปส่งได้หลายชิ้นหน่อยครับ 


ตั้งเป้าหมายเอาไว้เรียบร้อย ไว้ถึงสิ้นปีค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะสามารถทำได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่ หรือจะทำได้มากน้อยกว่าที่คิดเอาไว้แค่ไหน สิ้นปีค่อยมาสรุปกันอีกที ตอนนี้ต้องเตรียมตัวลุยได้แล้ว ปีนี้จะตั้งใจให้เต็มที่ครับ 


Happy Modeling & Painting





Monday, January 1, 2024

Happy New Year 2024

สวัสดีปีใหม่ปี 2024 ครับ รวบรวมผลงานของปีที่แล้วมาลงอีกรอบ 2023 เป็นปีที่มีเวลาทำงานของตัวเองมากขึ้น ได้ลองทำอะไรที่ต่างไปจากเดิมบ้าง แม้จะมีผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ไม่มากนัก แต่ก็รู้สึกว่าเข้าใจในสิ่งที่ทำได้มากขึ้นและทำออกมาได้ดีกว่าเดิม ปี 2024 นี้จะพยายามทำให้ดีมากขึ้นไปอีก อาจจะไม่ได้ทำจำนวนเยอะมากแต่อยากจะทำแต่ละชิ้นให้ดีที่สุดเพื่อเตรียมไว้สำหรับงานประกวดในปีถัดไป 

ปีที่แล้วเป็นอีกปีที่ได้ของจากสปอนเซอร์มามากพอสมควร และพยายามเขียนรีวิวและนำมาทำสีให้ชมเท่าที่จะทำได้ จนถึงตอนนี้เป็นเวลาร่วม 6 ปีแล้วที่ได้รับโอกาสนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันได้เห็นพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงจากโปรแกรมนี้มากมาย เป็นเกียรติมากๆและดีใจที่ยังได้รับโอกาสนี้อยู่และจะพยายามทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆต่อไป รอชมการรีวิวของใหม่ได้เร็วๆนี้ครับ 

ปี 2023 เป็นอีกปีที่ได้เดินทางไปหลายที่ และได้นำผลงานไปร่วมประกวดในยุโรปเป็นครั้งแรกทั้งในอิตาลีและฝรั่งเศส ในงานประกวดที่ไฝ่ฝันมาตลอดหลายปีว่าอยากจะไปร่วมด้วยสักครั้ง ดีใจมากๆที่ทำได้สำเร็จสักที หวังว่าในอนาคตคงจะมีโอกาสได้กลับไปร่วมประกวดในงานเหล่านั้นอีก ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่จะนำภาพจากงานประกวดต่างๆมาให้ชมกันอีกแน่นอนครับ

สุดท้ายนี้ขอให้ปีใหม่นี้ทุกท่านๆมีแต่ความสุขความเจริญและสุขภาพแข็งแรงกันไปตลอดทั้งปีนะครับ สวัสดีปีใหม่และแฮปปี้โมเดลลิ่ง & แฮปปี้เพ้นท์ติ้งครับ

Happy New Year 2024













Saturday, December 16, 2023

Art vs Artist 2023

#ArtvsArtist2023 ปีนี้อาจจะทำผลงานได้ไม่เยอะเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกสนุกและมีความสุขกับงานทุกๆชิ้นที่ทำเลย ได้ลองทำอะไรใหม่ๆหลายๆอย่าง ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆซึ่งดีมากๆสำหรับตัวเอง ปีหน้าจะพยายามตั้งใจทำให้ดีมากขึ้นกว่าเดิมครับ 😊🤘




Monday, January 23, 2023

ของรางวัล

สำหรับเกมร่วมสนุกทายชื่อโมเดลในโพสก่อนนู้น คุณ Metamophosis Ex ตอบมาถูกต้องตรงเป๊ะเลย ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ของรางวัลที่จะได้รับคือ Lord Castellan Ursula Creed กล่องนี้ครับ ส่วนอีกสามท่านที่มาร่วมสนุกตอบคำถามกัน เดี๋ยวจะมีของรางวัลเล็กๆน้อยๆมอบให้ด้วยครับ ตอนนี้ของทั้งหมดกำลังเดินทางกลับไปที่ไทย อาจจะใช้เวลาสักพัก ถ้าของถึงที่ไทยเมื่อไหร่แล้วจะติดต่อทุกท่านเพื่อขอที่อยู่จัดส่งอีกทีนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมสนุกกันครับ 😊



Thursday, January 5, 2023

Happy New Year 2023

เริ่มต้นปีด้วยการซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมความรู้ หลังจากที่ไม่ได้อ่านหนังสือแบบจริงจังมานานมากๆ สองสามปีที่ผ่านมาไม่รู้สึกว่ามีหนังสือหรือแม็กกาซีนที่น่าสนใจพอที่จะซื้อมาอ่านเลย ส่วนมากจะอาศัยดูวีดีโอสอนในยูทูปเป็นหลัก จนปีที่แล้วได้กลับไปร่วมงานประกวดที่ไทยแล้วได้ไปเปิดดูหนังสือ F.A.Q. เล่มที่ 1 ของ Kirill Kanaev ที่เอามาวางโชว์ที่บูธของ AK เท่าที่ดูคร่าวๆเนื้อหาภายในเล่มนั้นน่าสนใจมาก มีทั้งทฤษฎีและ SBS ให้ดู แต่ตอนนั้นทางบูธของ AK แค่เอาหนังสือมาจัดแสดงเฉยๆ ไม่มีวางจำหน่ายภายในงาน ก็เลยไม่ได้ซื้อกลับมาด้วย จนเมื่อปลายปีที่แล้ว AK ออกหนังสือ F.A.Q. เล่มที่ 2 ของ Arnau Lazaro มาอีกเล่มเน้นไปที่งานแนวแฟนตาซี จากที่เห็นภาพตัวอย่างก็คิดว่าทั้งสองเล่มนี้น่าจะเป็นหนังสือที่คุ้มค่าและน่าจะได้ประโยชน์มากจากการอ่าน ก็เลยตัดสินใจสั่งซื้อทั้งสองเล่มจากเว็บของ AK โดยตรงดู ขอเวลาอ่านสักพักแล้วจะมารีวิวให้ชมกันครับว่าสองเล่มนี้นั้นเป็นอย่างไร และจะคุ้มค่าจริงๆหรือเปล่า 

ส่วนสี AK 3rd Gen สั่งมาเพราะปีที่แล้วได้ดูสาธิตวิธีการใช้สีนี่ห้อนี้โดย Calvin Tan แล้วมันดูน่าสนใจมาก และพอได้ลองใช้ก็รู้สึกว่าชอบมากจริงๆ ปีนี้เลยตั้งใจว่าจะลองใช้สี AK เพ้นท์ฟิกเกอร์แนวทหารและประวัติศาสตร์ดูอีกครั้ง หลังจากที่เว้นว่างไปหลายปี ไว้ถ้ามีความคืบหน้าเมื่อไหร่คงจะนำมาลงให้ชมกันอีกทึครับว่าถูกใจกับสียี่ห้อนี้มากน้อยเพียงใด รอติดตามกันได้ แล้วพบกันใหม่ครับ




Wednesday, December 21, 2022

Hobby Model ฉบับที่ 89 ปี 2002

ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 20 ปีของหนังสือ Hobby Model ฉบับที่ 89 ซึ่งเป็นฉบับที่ผลงานของตัวเองได้ขึ้นเป็นภาพหน้าปกและเป็นไฮไลท์ของเล่มครั้งแรกและครั้งเดียวก่อนที่หนังสือจะปิดตัวลงในฉบับที่ 100 ครับ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในชีวิตการทำโมเดลของตัวเอง ที่ครั้งหนึ่งเคยมีส่วนร่วมเขียนบทความให้กับหนังสือเกี่ยวกับโมเดลของคนไทยฉบับนี้ จนได้รับความไว้วางใจจากทีมงานและให้เกียรติรวบรวมผลงานของเรามาลงเป็นภาพหน้าปกและเป็นไฮไลท์ประจำฉบับ ช่วงเวลาที่ได้เป็นนักเขียนให้กับที่นี่ แม้จะเป็นเวลาแค่ไม่กี่ปีและเป็นเพียงส่วนเล็กๆของหนังสือ แต่ก็ได้รับประสบการณ์ต่างๆและมิตรภาพดีๆมากมาย ที่สำคัญมันกลายเป็นการปลูกฝังความชอบในการเขียนหนังสือให้กับตัวเองโดยไม่รู้ตัว จนส่งผลให้ตัดสินใจเริ่มทำบล็อกส่วนตัวและเพจในเฟซบุ๊คเพื่อเขียนบทความต่างๆมาจนถึงปัจจุบันครับ

จำได้ว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้วตอนที่หนังสือเล่มนี้ออกวางจำหน่ายก็ไปซื้อมาเก็บเอาไว้ส่วนตัว และซื้อส่งมาให้พี่ชายกับแม่ที่อยู่ที่อเมริกาด้วย พอตัวเองย้ายมาอยู่ที่นี่มีวันหนึ่งพี่ชายจัดของแล้วเจอหนังสือเล่มนี้เก็บไว้อยู่เลยหยิบมาให้ ก็เลยเอามาเก็บต่อจนไม่นานมานี้นึกขึ้นได้ว่าปีนี้ครบรอบ 20 ปีแล้วก็เลยหยิบมาถ่ายรูปเพื่อระลึกความหลังกันครับ

จุดเริ่มต้นของการที่ได้เข้าไปเขียนบทความให้กับหนังสือ Hobby Model เริ่มมาจากการที่ตัวเองนำผลงานไปส่งในงานประกวดที่หนังสือ Hobby Model เป็นผู้จัดที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว จำไม่ได้แล้วว่าปีอะไรแต่ตอนนั้นน่าจะอายุประมาณ 19-20 ปี แล้วผลออกมาเราได้รับรางวัลจากการประกวดหลายรางวัล ทางทีมงานของหนังสือเลยมาพูดคุยว่าสนใจอยากจะเขียนบทความให้กับหนังสือหรือเปล่า จริงๆตอนนั้นไม่เคยเขียนบทความใดๆมาก่อนเลยและไม่รู้ด้วยว่าจะต้องทำอย่างไร ที่ผ่านมาทำโมเดลด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ไม่มีเพื่อนที่เล่นมาด้วยกันหรือรู้จักใครในวงการ อาศัยอ่านจากหนังสือแล้วก็ลองหัดลองทำด้วยตัวเอง แต่ก็คิดว่าถ้าได้เขียนบอกเล่าวิธีการทำงานของเราให้คนอื่นได้อ่านบ้างก็น่าจะดี เหมือนกับที่เราก็เรียนรู้วิธีการของคนอื่นๆมาจากในหนังสือเช่นกัน ก็เลยตัดสินใจลองทำดู

ในตอนนั้น การทำงานของตัวเองยังใช้การทาสีด้วยมือเพียงอย่างเดียว เพราะยังไม่มีแอร์บรัชใช้ เลยเลือกเขียนอธิบายวิธีการทำงานและการทำฉากของตัวเอง และอาศัยวิธีการเขียนบทความของคนอื่นๆมาเป็นตัวอย่าง ผลงานชิ้นแรกที่ได้ลงในหนังสือเป็นฉากจำลองขนาดเล็กเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกี่ยวกับปืนต่อสู้อากาศยาน Flak 38 ของฝ่ายเยอรมันที่ถูกทิ้งเอาไว้ในซากอาคาร  และมีทหารอเมริกันมาเจอเข้าและกำลังสำรวจพื้นที่กัน

วิธีการเขียนบทความสมัยยี่สิบกว่าปีที่แล้วที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ จะใช้การเขียนลงบนกระดาษฟุลสแค๊ปหรือกระดาษที่เอาไว้ใช้เขียนรายงาน เขียนร่างบทความลงไปก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นอ่านทบทวนแล้วแก้ไขเพิ่มเติมให้ใจความนั้นครบถ้วนสมบูรณ์แบบที่ต้องการนำเสนอ แล้วจึงมาเขียนคัดลอกแบบบรรจงลงบนกระดาษอีกรอบ เพื่อที่จะได้นำบทความที่เขียนเสร็จสมบูรณ์แล้วไปมอบให้กับกองบรรณาธิการนำไปพิสูจน์อักษรและตีพิมพ์ลงในหนังสืออีกที สมัยนั้นการจะเขียนบทความแต่ละครั้งจึงต้องมานั่งเขียนซ้ำกัน 2-3 รอบ ไม่สะดวกสบายเหมือนเดี๋ยวนี้ที่เขียนไปแก้ไปในคอมหรือในมือถือได้ทันทีเลย

ส่วนตัวโมเดลที่ทำเสร็จแล้วก็ต้องขนไปถ่ายรูปที่กองบก. เพื่อให้ช่างภาพประจำนิตยสารเป็นผู้ถ่ายให้ในสตูดิโอของสำนักพิมพ์ ที่มีการจัดแสงมีการใช้ฉากหลังและใช้การถ่ายด้วยกล้องฟิลม์ จนได้ภาพสวยๆออกมาอย่างที่เราเห็นกัน ตอนที่เริ่มเขียนบทความแรก กองบก.นั้นอยู่แถวท่าพระ เป็นตึกแถวเล็กๆที่ด้านล่างเป็นแท่นพิมพ์ขนาดใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานก็มีการเปลี่ยนแปลงทีมบรรณาธิการและย้ายจากที่เดิมมาอยู่ในอาคารของสำนักพิมพ์อนิเมทที่ตั้งอยู่ในซอยฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระ ตอนนั้นตัวเองบ้านอยู่ที่สมุทรปราการบนถนนศรีนคริทร์ซึ่งไกลมากๆ แล้วก็ย้ายไปอยู่แถวรังสิตยิ่งไกลมากกว่าเดิม การจะไปที่สำนักพิมพ์แต่ละครั้งเลยใช้เวลามากพอสมควร ยิ่งครั้งไหนทำงานชิ้นใหญ่ต้องขนใส่แท็กซี่ไปก็ต้องเสียค่าแท็กซี่ครั้งละหลายร้อย

ถ้าจำไม่ผิดสมัยนั้นค่าเขียนบทความครั้งแรกเป็นเงิน 500-600 บาท จากนั้นก็ได้เพิ่มขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ เอาจริงๆแค่ค่าโมเดลที่ทำในแต่ละครั้งก็มักจะมากกว่าค่าบทความที่ได้แล้ว แต่ก็ยังทำมาเรื่อยๆเพราะรู้สึกสนุกกับการที่ได้ทำงานให้เสร็จแบบมีเป้าหมายและชอบที่จะได้เขียนบทความอธิบายวิธีการทำงานต่างๆของตัวเอง 

ในครั้งแรกที่เขียนบทความส่งไป เราเลือกที่จะใช้ชื่อคนเขียนบทความเป็นชื่อจริงของตัวเองคือ "ต่อลาภ" ซึ่งในสมัยนั้นคนเขียนบทความในหนังสือจะใช้นามแฝงกันแทบทั้งหมด เคยมีคนถามเหมือนกันว่าทำไมถึงใช้ชื่อจริงในการเขียนบทความ ไม่ใช้นามแฝงเหมือนคนอื่นๆเขา คำตอบคือตัวเองในตอนนั้นไม่รู้ว่าควรจะต้องใช้นามแฝงในการเขียนหนังสือหรือเปล่า แต่ว่าตอนนั้นเริ่มที่จะซื้อหนังสือโมเดลต่างประเทศมาหัดอ่านภาษาอังกฤษ แล้วก็เห็นโมเดลเลอร์ต่างชาติทุกท่านที่ลงผลงานในหนังสือต่างประเทศใช้ชื่อจริงของตัวเองกันหมด ก็เลยคิดว่าใช้ชื่อจริงของตัวเองตามเขาก็ดูเป็นสากลดี แถมสะดวกตรงที่ไม่ต้องมานั่งคิดชื่อนามแฝงด้วย จนผ่านมาหลายปีให้หลังพอได้มาเขียนบทความให้หนังสือฉบับอื่น ทางพี่ บก. ขอให้ช่วยใช้นามแฝงเพื่อที่จะให้ดูมีความหลากหลายของนักเขียน ก็เลยใช้ชื่อนามแฝงว่า "Silk" ไปครั้งหนึ่ง 

ช่วงที่เขียนบทความให้หนังสือ มีโอกาศได้ไปที่กองบก. อยู่หลายครั้ง เป็นห้องทำงานเล็กๆอยู่ภายในอาคารของสำนักพิมพ์ มีพี่ๆหลายๆท่านนั่งทำงานกันอยู่ที่โต๊ะของแต่ละคน ทั้งนั่งปั้น ประกอบอุดขัด นั่งทำฉาก เพ้นท์สี พ่นสี ฯลฯ เตรียมผลงานที่จะลงในหนังสือฉบับถัดไป สำหรับตัวเองในตอนนั้นนี่คือสถานที่ทำงานในฝันที่จะได้อยู่กับงานโมเดลทั้งวัน เวลามีโอกาสไปที่นี่แต่ละครั้งก็เลยชอบไปนั่งดูเขาทำงานกันอยู่นานๆ แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนเงียบๆพูดไม่เก่ง ก็เลยมักจะนั่งดูเขาทำงานกันเงียบๆไม่ได้พูดจากับใครหรือไม่ก็ขอยืมหนังสือเขามานั่งดูเงียบๆคนเดียว พอมานึกถึงในตอนที่โตขึ้นก็คิดว่าตอนนั้นเขาคงจะอึดอัดกันน่าดูที่ไอ้น้องคนนี้มันมานั่งเงียบๆดูเขาทำงานกันเป็นขั่วโมง 😅 ในตอนนั้นได้มีโอกาสเห็นการทำงานของพี่ๆหลายๆท่านที่เราชื่นชม แล้วก็ทำให้ได้รู้จักกับพี่หลายๆท่านที่คบหาสมาคมกันจนถึงปัจจุบัน รู้สึกโชคดีมากๆที่ตัวเองได้มีโอกาสไปอยู่ตรงนั้นและได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำหนังสือเล่มนี้

ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นเขียนบทความให้กับหนังสือ Hobby Model อยู่ประมาณ 4-5 ปี จำไม่ได้แน่นอนว่าเขียนไปทั้งหมดกี่บทความ แต่คิดว่าไม่ได้เยอะมากนักเพราะเป็นช่วงที่กำลังเรียนมหาลัยอยู่ด้วย เลยมีเวลาทำโมเดลเฉพาะช่วงที่ว่าง จนมาถึงช่วงที่เรียนปี 3 ทางพี่บก.จึงได้มาคุยว่าสนใจที่จะทำผลงานลงเป็นไฮไลท์ของเล่มหรือเปล่า ตอนนั้นดีใจมากไม่คิดว่างานที่ตัวเองทำจะได้รับการยอมรับมากขนาดนั้น เพราะหนังสือฮอบบี้โมเดลจะเน้นไปที่เรื่องของโมเดลจากภาพยนตร์หรืออนิเมต่างๆมากกว่างานประเภทสเกลโมเดล ผลงานบนหน้าปกของแต่ละฉบับที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานโมเดลในแนวทางนั้นเกือบทั้งหมด เรียกว่านับครั้งได้เลยที่จะมีผลงานบนหน้าปกเป็นงานแนวทหาร ก็เลยรับปากว่าจะทำและตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด ใช้เวลาทำอยู่นานหลายเดือนเหมือนกัน ในที่สุดก็เสร็จออกมาเป็นผลงาน 5 ชิ้นที่ได้ตีพิมพ์ลงในฉบับนี้ในหัวข้อ Mini Diorama เพราะในสมัยนั้นยังไม่รู้จักคำว่า Vignette กัน งานฉากจำลองที่มีขนาดเล็กก็จะเรียกกันติดปากว่ามินิไดโอครับ

ผลงานที่ลงหน้าปกชื่อ Battle Front, Germany 1945 เป็นผลงานที่ทำเพื่อส่งประกวดและได้รับรางวัลที่ 1 มาจากงานประกวดที่เดอะมอลล์บางกะปิ รายละเอียดต่างๆภายในฉากสร้างขึ้นมาเองทั้งหมด ตอนที่นำผลงานทั้งหมดไปถ่ายรูปที่กองบก. วันที่ไปรับงานกลับทางพี่บก.มาคุยกับเราว่าทางผู้บริหารสำนักพิมพ์ชอบผลงานชิ้นนี้มาก และอยากขอซื้อผลงานชิ้นนี้ไว้ ใจจริงไม่ได้ต้องการที่จะขายผลงานชิ้นนี้เลยเพราะเป็นงานที่ตั้งใจทำมาก แต่ด้วยความที่เกรงใจพี่บก.ที่ดูเหมือนจะโดนกดดันมาอีกที ก็เลยจำใจขายให้ไปในราคาน่าจะ 4,000-5,000 บาท ซึ่งก็เสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็คิดว่าเป็นการตอบแทนที่ให้โอกาสได้เขียนบทความให้กับที่นี่มาโดยตลอด หลังจากนั้นก็หยุดพักการเขียนไปเพราะว่าขึ้นปี 4 ทั้งเรียนหนักและต้องทำธีสิส มามีเวลาว่างอีกทีก็ตอนมาข่วยพี่หมึกข้างขวดทำฟิกเกอร์ประกอบผลงานฉากจำลองขนาดใหญ่ของอ็อตโต คาริอุส เพื่อฉลองหนังสือฉบับที่ 100 น่าเสียดายที่หนังสือฉบับที่ 101 นั้นไม่ได้ถูกตีพิมพ์ บทความครึ่งหลังของฉากจำลองชิ้นนี้ที่รวมภาพผลงานที่เสร็จแล้วจึงไม่เคยถูกตีพิมพ์ออกไป และหนังสือ Hobby Model ที่อยู่คู่วงการโมเดลของไทยมาอย่างยาวนานก็ปิดฉากลงที่จำนวน 100 ฉบับ มีเพียง 3 ฉบับที่เป็นการรวบรวมผลงานของนักเขียนมาลงเป็นหน้าปกและไฮไลท์ของเล่มหรือ Best Of คือฉบับของพี่โด่ง นภากาศ ที่ทำโมเดลเครื่องบิน ฉบับของเราที่ทำโมเดลฉากจำลองขนาดเล็ก และฉบับของคุณนรินทร์ ที่รวบรวมงานปั้นของเขาเอาไว้ (งานชิ้นหนึ่งที่อยู่ในใจมาตลอดคือพรีเดเตอร์ vs ซามูไรที่เขาออกแบบและปั้นเอง ตอนนั้นมีโอกาสได้ไปเห็นตอนที่กำลังทำฉากปราสาทของงานชิ้นนี้ ทึ่งมากๆในการออกแบบพรีเดเตอร์ในสไตล์ของตัวเองและรายละเอียดต่างๆบนชิ้นงานและฉากก็ทำได้สุดยอดมากๆ)

สำหรับตัวเอง การได้เป็นนักเขียนให้กับหนังสือนี้ เป็นจุดเริ่มต้นให้ตัวเองหัดเขียนบทความอย่างจริงจัง และช่วงเวลาหลายปีนั้นก็เป็นการฝึกฝนการเขียนหนังสือของตัวเองใหัพัฒนาขึ้นเรื่อยๆไปพร้อมๆกับการฝึกฝนการทำโมเดลของตัวเอง ในตอนนั้นไม่เคยรู้เลยว่าจะมีคนอ่านบทความของเรามากน้อยแค่ไหน รู้แค่ว่ามันสนุกมากที่ได้ทำงานออกมาเรื่อยๆและสามารถบอกเล่าให้คนอื่นอ่านได้ ก็เลยพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด และพยายามหาหัวข้อที่น่าสนใจมาทำเพื่อที่จะให้บทความนั้นมีความหลากหลาย จนผ่านมาหลายปีให้หลังพอได้เจอผู้คนตามงานโมเดลต่างๆถึงได้รู้ว่าที่ผ่านมามีคนคอยตามอ่านบทความของเราอยู่พอสมควร ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าการเป็นนักเขียนตัวเล็กๆในนิตยสารเกี่ยวกับงานอดิเรกทึ่เป็นเรื่องเฉพาะทางและไม่ได้มีคนสนใจมากนัก จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆได้ขนาดนี้ มันเป็นความภาคภูมิใจที่ได้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองตั้งใจทำนั้นมันมีประโยชน์กับคนอื่นจริงๆ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ยังคงพยายามเขียนบทความต่างๆลงในบล็อกและในเพจของตัวเองมาจนถึงปัจจุบัน

แต่ก็มีพี่ที่สนิทกันท่านหนึ่งเคยบอกเอาไว้นานแล้วให้คอยระวังตัว ถึงแม้จะเป็นวงการเล็กๆแต่ถ้ามีฝีมือโดดเด่นมีชื่อเสียงเกินหน้าเกินตาก็จะมีคนไม่พอใจหรือถูกหมั่นไส้เอาได้ เพราะคนประเภทนี้มันมีอยู่ในทุกๆที่ในทุกวงการ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะไม่คิดว่าการที่ได้มาเขียนบทความแบบนี้จะไปสร้างความไม่พอใจให้กับใครได้ และส่วนตัวก็ไม่ได้รู้จักใครในวงการหรือเคยไปทำอะไรแย่ๆกับใครไว้ ก็ตั้งใจทำงานของตัวเองต่อไปไม่ได้สนใจอะไร จนผ่านมาหลายปีให้หลังถึงมีคนมาบอกว่า เคยมีคนแอบอ้างว่าเป็นเราโทรไปด่าเขาเกี่ยวกับเรื่องการทำงานโมเดลของเขา ทำให้เขาเกลียดเรามานานหลายปีโดยที่ตัวเราเองไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย กว่าจะเข้าใจกันได้ก็กินเวลาหลายปี แม้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนแอบอ้าง 

พี่ที่สนิทกันเคยบอกไว้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากเป็นนักเขียนให้กับหนังสือโมเดล เพราะจะได้เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและสามารถนำไปใช้ในการรับจ้างทำงานได้สะดวกมากขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาสนี้ แล้วอยู่ดีๆมีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ได้มาทำตรงนี้ก็อาจจะทำให้มีคนอิจฉาไม่พอใจจนกลายเป็นการมากลั่นแกล้งกัน ตอนนั้นจึงได้เข้าใจว่าคนขี้อิจฉาริษยาคนที่จิตใจคับแคบและไม่ต้องการเห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวเองนั้นมีอยู่จริงๆ คนแบบนี้มีอยู่ทุกที่ทุกวงการและทุกยุคสมัย แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังเห็นบางท่านที่ต้องเผชิญกับคนประเภทนี้อยู่เนืองๆ อยากบอกท่านเหล่านั้นหรือท่านอื่นๆหากต้องเจอกับคนประเภทนี้ว่า สิ่งที่ควรทำคืออย่าไปให้ค่าให้ความสำคัญกับคำพูดหรือการกระทำของคนพวกนี้ เพราะเขาไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับชีวิตของเราเลยแม้แต่น้อย ควรให้ความสำคัญกับคนที่เข้าใจเราและตั้งใจฝึกฝนผลงานของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วผลงานของเราจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของตัวเราเองได้ดีที่สุด ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ที่ไม่มีตัวตนไม่มีความสามารถอะไรมาเป็นคนบอกครับ

จริงๆตั้งใจว่าจะเขียนเล่าเรื่องของการทำหนังสือในอดีตว่าเป็นอย่างไร ไปๆมาๆกลับมาจบที่เรื่องดราม่าเสียได้ 😅 พอดีนึกถึงเรื่องราวสมัยก่อนแล้วมันจะมีเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวด้วยก็เลยเอามาเล่าให้ฟังกันเป็นอุทาหรณ์ เพราะแม้จะผ่านมายี่สิบปีก็ยังมีคนแบบนี้อยู่และคงจะมีมาอีกเรื่อยไปตามธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าเรามีภูมิคุ้มกันที่จะรับมือกับคนพวกนี้ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรกับจิตใจเราได้ เป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่านที่ตั้งใจฝึกฝนการทำงานของตัวเองครับ 😃

สุดท้ายนี้หวังว่าจะชอบบทความระลึกความหลังเคล้าดราม่าอันนี้กัน 😆 ไว้มีโอกาสจะหาอะไรมาเขียนให้อ่านเล่นกันอีก แล้วพบกันใหม่ครับ